กำลังเดินทางกลับ เซเลน่า โกเมซ เปิดใจอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับช่วงสองสามปีที่ผ่านมาในชีวิตของเธอในพอดคาสต์ Dream It Real ของแบรนด์ Coach นักร้องสาวได้เปิดเผยสิ่งที่น่าประหลาดใจเกี่ยวกับวิธีที่เธอต้องการให้คนเห็น ทำไมเธอถึงก้าวออกจากจุดสนใจ และสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้
“ปีที่แล้ว ฉันหยุดงานไปเยอะ” หญิงสาววัย 26 ปีเริ่มอธิบายเกี่ยวกับความวุ่นวายในปี 2018 ของเธอ ซึ่งรวมถึงการฟื้นตัวจากการปลูกถ่ายไตในปี 2017 และการเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลด้านสุขภาพจิต เธอยังได้รับความสนใจที่ไม่พึงประสงค์มากมายเมื่อแฟนเก่าของเธอ จัสติน บีเบอร์ ผูกปมกับ เฮลีย์บอลด์วิน “ฉันคิดว่าฉันต้องการเวลาอยู่กับตัวเอง เพราะฉันรู้สึกว่าตัวเองเติบโตและเปลี่ยนไป”
เมื่อถูกถามว่าเธอมีคำแนะนำอะไรให้ตัวเองที่ยังเด็กอยู่ ดาราสาวคนนี้ก็โน้มน้าวให้เธอเชื่อในการบำบัด “เอ้ย ถ้าฉันรู้อย่างที่ฉันรู้ตอนนี้” นักร้องเพลง “Wolves” ยอมรับ “ไม่ คุณรู้ไหม ฉันคิดว่าเป็น … ฉันเชื่อในการบำบัด ดังนั้น ฉันคิดว่าฉันมีโอกาสที่จะคิดถึงตัวเองที่อายุน้อยกว่า และฉันคิดว่าหลายครั้งที่ฉันอยากจะกอดตัวเองที่อายุน้อยกว่า ฉันหวังว่าฉันจะได้ทำและมีประสบการณ์กับสิ่งต่างๆ มากมาย อาจจะแตกต่างออกไปเล็กน้อย แต่ฉัน … ฉันไปบำบัด” สาวสวยผมสีน้ำตาลยังกล่าวอีกว่าการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญช่วยให้เธอเข้าใจตัวเอง “ดีขึ้นมาก”
โชคดีที่เซเลน่าดูเหมือนพร้อมสำหรับปีที่สดใสและกลับมาทำงาน “ฉันเฝ้ารออัลบั้มของฉันและรอคอยที่จะใช้เวลาอยู่คนเดียว … ฉันคิดว่าในที่สุดฉันก็อยู่ในวัยที่ฉันรักการอยู่คนเดียว”
หวังว่าเพลงใหม่ของเธอจะช่วยให้ผู้คนเข้าใจชาวเท็กซัสมากขึ้น “ฉันไม่คิดว่าจะมีคนรู้จักหัวใจของฉัน” อดีตเด็กดิสนีย์สารภาพ “ฉันคิดว่าบางครั้งผู้คนอาจคิดว่าฉันพูดเรื่องการเมืองถูกต้อง หรือฉันปลอดภัย หรือฉันถูกฝึกมาให้พูดแบบนี้ ไม่รู้ว่าถูกฝึกมายังไง เหมือนมีใครในโลกนี้ฝึกให้พูดยังไง”
เธอย้ำว่า"ฉันว่าหลายคนไม่เข้าใจหัวใจฉันรู้ไหม? … และฉันก็ไม่ชอบแบบนั้น บางครั้งอาจเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาด้วย ฉันไม่ชอบให้ใครมาตัดสินฉันที่รูปร่างหน้าตาหรืออะไรทำนองนั้น”
เธอมีอะไรให้มากกว่าความน่าดึงดูดใจทางร่างกาย “ฉันแค่คิดว่าโลกทุกวันนี้เปิดรับทุกสิ่งอย่างมากมาย… มันดีมากที่ได้แต่งตัวและรู้สึกสวยงามและทำสิ่งเหล่านั้น” เธออธิบาย“ฉันรู้สึกปลื้มปีติเมื่อบางทีผู้ชายชอบพูดว่า 'คุณสวย' ฉันเป็น ไม่ใช่แค่ … ฉันจะรักใครซักคนให้รักฉันในตัวตนที่ฉันเป็น”